“LEO” เนื้อหอม กองทุนจากสิงคโปร์เข้าซื้อบิ๊กล็อต 9 ล้านหุ้นพร้อมพ่วงซื้อ Warrant อีก 1 ล้านหน่วยเชื่อมั่นศักยภาพเติบโตไร้ขีดจำกัดในฐานะผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจร
LEO เผย กองทุนชั้นนำจากประเทศสิงคโปร์ได้เข้าซื้อหุ้นบิ๊กล็อตจำนวน 9 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 13.10 บาท และ Leo-w1 จำนวน 1 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 1.08 บาท มูลค่ารวม 118.98 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ตอกย้ำความมั่นใจในพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดของ LEO ฟากซีอีโอ"เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์" ระบุตั้งเป้าปี 2566 เดินหน้ารุกธุรกิจด้วยการ JV และ M&A ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ ผลักดันการเติบโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืน นำไปสู่การเป็นหุ้น Blue Chip Stock ในกลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ได้มีการทำรายการขายหุ้น LEO ที่เกิดขึ้นผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (Big Lot) จำนวน 9 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ13.10 บาท Leo-w1 จำนวน 1 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 1.08 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 118.98 ล้านบาทสำหรับการขายหุ้นบิ๊กล็อตในครั้งนี้ เป็นการทำรายการเข้าซื้อหุ้นจากกองทุนจากประเทศสิงคโปร์ ที่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ LEO หลังจากได้เข้ามาพูดคุยกับทางบริษัทฯ มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และได้เห็นแผนการขยายธุรกิจ Logistics ทั้งในส่วนของ Freight และ Non-Freight ของบริษัทโดยเฉพาะการมุ่งเน้นการขยายธุรกิจใหม่ๆ ในส่วนของ Logistics Center, Cold Chain, Self Storage และลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ที่มี Gross Profit Margin สูง รวมถึงยังมีแผนการ M&A อีกหลายๆโครงการทั้งในและต่างประเทศที่เห็นภาพชัดเจน และสามารถรับรู้รายได้ภายในประมาณไตรมาสที่3/2566 นี้ อีกทั้ง การขยายธุรกิจใหม่ๆที่เป็น Non-Logistics เพื่อเดินหน้าสู่การเติบโตเป็น Growth Stock ในทุกมิติ
“ก่อนที่กองทุนดังกล่าวจะเข้ามาซื้อหุ้น LEO ทางกองทุนได้เข้ามาพูดคุย รวมถึงศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการเติบโตก่อนที่จะเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทฯ และมีความมั่นใจว่า บริษัทฯ จะสามารถดำเนินธุรกิจและประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง และมองเห็นถึงช่องทางการเติบโตที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรได้อย่างแน่นอน " นายเกตติวิทย์ กล่าว
ทั้งนี้ การขายหุ้นบิ๊กล็อตในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหาร และการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แต่อย่างใด “ จริงๆ แล้วกองทุนดังกล่าวมีความต้องการซื้อหุ้นของบริษัทฯ มากกว่า 9 ล้านหุ้น แต่บริษัทฯ ไม่สามารถจัดสรรให้ได้ จึงได้เสนอให้ทางกองทุนซื้อวอแรนท์ Leo-w1 แทนและไปใช้สิทธิ์ในการแปลงสภาพแทนในอนาคต ตอกย้ำถึงความมั่นใจของกองทุนดังกล่าวต่อพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยจำนวนหุ้นที่ทางกองทุนจากประเทศสิงคโปร์ซื้อไปนี้คิดเป็นสัดส่วน 2.8% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท” นายเกตติวิทย์ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับภาพรวมแนวโน้มการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 2566 นี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่น ทั้งกลุ่ม Logistics ที่เป็น Freight และ Non- Freight และ Non Logistics เพื่อให้สมกับการเป็นหุ้น Blue Chip Stock ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะมีการประกาศแผนธุรกิจปี 2566 รวมถึงกลยุทธ์และเป้าหมายการเติบโตของ LEO ใน 3-5 ปีข้างหน้าอย่างเป็นทางการ ภายในเดือนมกราคม 2566 นี้